วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หัว หรือ ก้อย เข้าพบผู้บริหาร Speed Channel

11 พฤศจิกายน 2557

          จากความเดิมตอนที่แล้วที่ทิ้งท้ายกันไว้ เพิ่งจะมีเวลาว่างมานั่งเขียนตอนต่อ ขอนึกย้อนแป๊ปนะ วันนั้น วันที่ 10กรกฎาคม ผมจำได้ดีเลย พวกเราสามคน นั่งรอตรงประชาสัมพันธ์ ที่ บริษัทสปีดแชนแนล เพื่อรอพบพี่โบ๊ท

          บอกตรงๆ ในใจตื่นเต้น ทำตัวไม่ค่อยจะถูก เพราะไม่รู้จะเจอกับคำถามอะไรบ้าง นั่งกันอยู่สักพัก พอใกล้ถึงเวลาที่นัด คุณแอม เลขาพี่โบ๊ท ลงมาตามให้พวกเราเข้าพบ

          หมอโดม เดินมากระซิบว่า "อย่าลืมนะ คำถามที่ตั้มจะต้องเจอ แน่ๆ คือ รายการมันจะตัน รึป่าว เตรียมคำตอบไว้ยัง"  ผมได้แต่ยิ้มรับ และพยักหน้าให้ 1 ที ด้วยความตื่นเต้น และพวกเราสี่คน ก้อเข้าห้องทำงานพี่โบ๊ทพร้อมกัน หมอโดม ผม ดี้ พี่ชาด

          เข้าไปถึง ตอนแรกแอบคิดท่าทางตัวเองว่า จะทำตัวยังงัย ต้องวางตัวเป็นทางการ ให้น่าเชื่อถือขนาดไหน แต่สิ่งแรกที่พบคือ พี่โบ๊ทกำลังอ้าปากยัด ขนมปังแซนวิช อย่างไม่สงวนท่าที พร้อมทั้งเอ่ยปากเชิญพวกเรานั่ง เอิ่ม.....พี่โบ๊ททำพวกผมผ่อนคลายไปกว่าครึ่งเลยนะ (แอบคิดในใจ)

          แล้วผมก้อยื่น Proposal ที่ทำมา ให้กับพี่โบ๊ต พร้อมทั้งอธิบาย คอนเทนท์รายการว่าเป็นยังงัย และเอาทีเซอร์ตัวอย่างรายการที่ทำมา ให้พี่เขาดู

          พี่โบ๊ต ดูแบบเงียบๆ อยู่เกือบสามนาที พร้อมทั้งกินแซนวิชไปด้วย แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ก้อโอเคนะ แปลกดี มันจะตันมั๊ยวะ" ผมตอบแบบไม่ต้องคิด (เพราะคิดมาก่อนแล้ว>////<) ว่า............ไม่ตันแน่นอนครับพี่ เพราะรถมอเตอร์ไซต์ Japan Vintage นั้น มีหลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อ ก็มีหลายรุ่น ซึ่งรายการเราจะไม่ได้นำเสนอแค่รุ่นรถอย่างเดียว แต่เราจะนำเสนอแนวทางการเล่น การสะสม การเสาะหา การซ่อม การสร้าง การดูแล และ พาไปแนะนำให้รู้จักร้านซ่อม ร้านอะไหล่ รวมถึง พาไปตามงานรถ Japan Vintage ที่น่าสนใจด้วยครับ

          หลังจากฟังคำตอบแล้ว พี่โบ๊ทก้อเอ่ยออกมาว่า "แค่พวกมึงสามคนแนะนำตัว เวลาก้อหมดแล้วครึ่งชั่วโมง" เท่านั้นแหละพวกเรารวมถึงหมอโดม หน้าถอดสี เครียดกันหมด แล้วพี่โบ๊ทก็อธิบาย นู่นนี่นั่นมากมาย จนในใจผมคิดว่า จบกัน ฝันพังทลายชิบหายหมดแล้ว T_T

          ระหว่างที่ผมแอบเครียด ไม่รู้ว่าเพื่อนผมอีกสองคนคิดอะไรอยู่ จะรู้สึกเครียดเหมือนผมหรือเปล่า เพราะเห็นพี่โบ๊ทกำลังชวนคุยทั้งดี้ และพี่ชาด ตัวผมเองก้อมีตอบโต้เป็นระยะ แต่ในใจ คิดอย่างเดียว งานนี้คงพลาดแน่เลย เศร้าสิครับ เหลียวหน้าไปดูหมอโดม คราวนี้หมอโดมเริ่มกระสับกระส่าย  แบบรู้สึกได้ชัด

         พวกเรานั่งฟัง พี่โบ๊ทแกเล่าเรื่องราวการเล่นรถเก่าของตัวเองให้พวกเราฟัง สักพักพี่โบ๊ทเอ่ยขึ้นว่า

 "ถ้าชั่วโมงนึง ไหวมั๊ย?"

         เฮ้ย! จบประโยคพวกเราสี่คนมองหน้ากันแบบพร้อมเพรียง ผมเอ่ยตอบแบบไม่คิดจะรอเพื่อนฝูงทันที "ไหวครับ สบายครับ แอบหวังอยู่ครับ" ณ ตอนนั้น ถ้ากระโดดโลดเต้นได้ คงทำไปแล้ว แล้วที่เซอร์ไพรส์ พวกเรายิ่งกว่า และอาจจะเซอร์ไพรส์ ทุกๆคนคือ พี่โบ๊ตให้คุณแอมเลขา ไปเอาผังรายการของช่องมาให้ดู

          พิจารณาอยู่พักนึง แกก็บอกว่า เอารายการ Japan Bikes Way ลงวันนี้ แล้วหันมาถามผมว่า "6 โมงเย็นนะ โอเคไหม?"  หุๆๆๆๆๆ ในใจผมตอนนั้น ตีหนึ่งผมยังโอเคเลย นี่หกโมงเย็น! แทบกรี๊ด วันเสาร์ด้วย ไม่เกรงใจกระโดดลอยตัวไปแล้วครับ และผมก็รีบตอบกลับไปว่า "ได้ครับพี่ ขอบคุณพี่มากๆนะครับ"

          แล้วพี่โบ๊ทก็ให้คำแนะนำ สั่งสอน แนะแนวพวกเราสักพัก ก็ขอตัวกลับกัน

          พอออกมาจากห้องได้เท่านั้นแหละ พวกเราสามคน กับหมอโดม จับมือกัน ด้วยความดีใจว่าก้าวมาอีกขั้น และเข้าช่องเต็มตัวเป็นทางการแล้ว

         ซึ่งแน่นอน ผมไม่ลืมพระคุณ แทบจะกราบหมอโดมเลยจริงๆ สำหรับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มันคือ ก้าวที่กล้า กล้าที่จะก้าวข้ามมันไปมั๊ยเลยจริงๆ

         หลังจากเวลานั้น ในหัวพวกเรา พร้อมทำงานกันแล้ว จุดหมายแรก ถ่ายรายการตอน 2 และเติมเต็มตอนหนึ่ง เทปเปิดตัวพิธีกร ให้เนื้อหามันแน่นขึ้น



         เอาล่ะ....เรื่องราวจะเป็นยังงัย เข้าสู่บริบท ของการทำงานจริงจังกันละ ติดตามอ่านตอนต่อไป สำหรับแขกรับเชิญตอนที่ 2 แุละตอนต่อๆๆๆไป จะเป็นใคร? ที่ไหน? เมื่อไหร่? มาตามติดการทำงานเบื้องหลังของพวกเรา ว่ากว่าจะมาเป็นตอนๆ ออนแอร์ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันนั้น ผ่านปัญหา และอุปสรรค อะไรมาบ้าง รับรองว่ามันส์ถึงกึ๋น ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น