วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รายการ Japan Bikes Way ตอน22 เบรค4 งาน Vintage Bi…: http://youtu.be/TE8VoZsIz_c
รายการ Japan Bikes Way ตอน22 เบรค3 พิพิธภัณฑ์ โล้…: http://youtu.be/5xlUSjBvskQ
รายการ Japan Bikes Way ตอน22 เบรค2 พิพิธภัณฑ์ โล้…: http://youtu.be/7lLyxvU4bj4

พิพิธภัณฑ์ โล้วเฮงหมง ต.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี

รายการ Japan Bikes Way ตอน22 เบรค1 พิพิธภัณฑ์ โล้…: http://youtu.be/0X124vV-5PM

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อาจารย์อดุลย์ ช่างซ่อมในตำนาน กับเจ้า Honda XL125

            เทป 3 นี้ เราเริ่มถ่ายต่อจากตอนสอง ไม่กี่วัน ผมมีแขกรับเชิญอยู่ในใจอยู่แล้ว คิดว่ายังไงก็ต้องสัมภาษณ์คนนี้ให้ได้ ใช่ครับ...อาจารย์ดุล นั่นเอง! อ่อ ต้องบอกว่า ผมกับอาจารย์ดุลรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว ผมถึงรู้จักฝีมือแกดี
         
            ผมโทรหาแก สอบถามแกว่า ผมจะเข้าไปสัมภาษณ์เป็นแขกรับเชิญในรายการ Japan Bikes Way สะดวกหรือเปล่า อาจารย์แกก็ตอบแบบ งงๆ ว่าได้ๆ แต่มันเป็นหนังสือแนวไหนหล่ะ

            ณ เวลานั้น ชื่อรายการ Japan Bikes Way อาจจะฟังไม่คุ้นหูเท่าไหร่ 555 ออกไปทางไม่มีคนรู้จักด้วยซ้ำ ก็แหม รายการเราเพิ่งจะเกิดใหม่ แกะกล่องกันเลยทีเดียว ผมตอบอาจารย์แกไปว่า เป็นรายการทีวีครับอาจารย์ ไม่ใช่นิตยสาร เป็นรายการของผมเอง เท่านั้นอาจารย์แกก็ตอบรับคำทันที แกบอกว่า "ถ้าเป็นแบบหนังสือที่เคยมาสัมภาษณ์ไม่เอาแล้วนะ มาสัมภาษณ์มาถ่ายรถผม แล้ว เอาไปเขียนด่าในเนต บลาๆๆๆๆๆๆ.........." ยาวเลย ผมเลยบอกแกไปแค่ว่า 

            "ผมลูกผู้ชาย ขึ้นชื่อว่ารัก และเคารพผมไม่เคยแทงหลัง หรือใส่ร้ายใครครับ"


            มาถึงเช้าวันถ่ายรายการ นัดทุกคนไว้ 9 โมงเช้า ทีมงาน และผมเริ่มตั้งกล้อง พร้อมทั้งพูดคุยคิวบท กับอาจารย์ ว่าจะคุยกันประมาณไหน ถามอะไรบ้าง ซักซ้อมกันอยู่สักพัก ก็พร้อมถ่าย เรื่องความรู้แกแน่นอยู่แล้ว

            เราอยากได้ฟิวส์เปิดมาเป็นแบบ แขกรับเชิญเล่าเรื่อง ความเป็นมาเกี่ยวกับตัวเองกับรถ ว่าเริ่มต้นมาจากอะไร มีเราถามคำถามส่งไปแบบไม่มีพิธีกร เพื่อจะเอามาตัดสลับกับตอนวิ่ง ช่วงแรกอาจารย์ยังประหม่าๆ และตื่นกล้องนิดๆ แต่พอเข้าฝัก เริ่มคุ้นเคยกับทีมงานและกล้อง อาจารย์แกใส่มาเป็นชุด คราวนี้แทบหยุดไม่อยู่ แต่ดีครับมันเป็นธรรมชาติ มันเป็นความรู้สึกที่เจ้าของ มีต่อรถจริงๆ

            พูดคุยถาม-ตอบกันไปมา ได้ความรู้มาจากอาจารย์มากโขเลย แกเล่าเรื่องราว ว่ากว่าจะมาเป็นตรงนี้ได้ ก็ผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะเหมือนกัน ประโยคนี้ใช้กับคนเล่นรถเก่าได้ดี 555





            อาจารย์ดุลย์ เป็นกันเองกับพวกเราและทีมงานมากๆ ไม่หวงความรู้ แกรู้อะไร แกพยายามบอกและสอนให้หมดเลย

            ดูตอนแรกเหมือนว่าอาจารย์แกจะดุ แต่พอได้พูดคุยกันสักพัก ก็รู้ได้ทันทีว่าแกเป็นคนอบอุ่นและจริงใจมากๆ

            พูดคุยมาถึงช่วง ให้แกบอกทริค และเทคนิคการตั้งไฟหน่อย อาจารย์แกสอนได้แบบที่ว่า ช่างประจำศูนย์ยังต้องฟังเลย ทฤษฏีมาคู่กับปฎิบัติ วิชาแน่นเปรี๊ยะ ช่วงนี้ ให้พี่ชาด เข้าไปนั่งพูดคุยสอบถาม คนรุ่นราวคราวเดียวกัน คุยกัน ดูลื่นไหลดีจริงๆ อิอิ




              ผมคิดว่าเทปนี้ ทั้งทีมงานและท่านผู้ชม คงได้ความรู้จากอาจารย์ดุลย์ไปไม่น้อยเลย จนวันนี้ ยังมีคนพูดถึงเทปของอาจารย์ดุลย์กันอยู่เลย

              มาถึงตอนวิ่ง ที่จะต้องให้อาจารย์ขี่ XL125 และใส่ฟิลลิ่ง ให้เต็มที่ ถามแกว่า "ไหวมั๊ยครับ เอาเท่าที่ไหวนะ" อาจารย์แกยิ้ม และพยักหน้า ไอ้เราก็นึกว่า เอาวะ! ได้แค่ไหนแค่นั้น ถนนในสวนก็เป็นดินลูกรัง ขี่ยากซะด้วย ขอบอกว่าผิดคาดครับ เห็นลีลาแกต้องร้องว่า โอ้วแม่เจ้า!

             แกจัดเต็ม ทั้งท่าทาง ฟิงลิ่งรวมไปถึงทักษะการขับขี่ ขี่อย่างมันส์ คนหนุ่มอย่างเรา ๆอายกันเลยทีเดียวเชียว



           สุดท้ายเทปนี้ พวกเรา ได้เห็นทั้งฝีมือ ลวดลายในการขับขี่ และยังได้ข้อมูล ความรู้ไปมาก ต้องขอขอบคุณอาจารย์อดุลย์มา ณ ที่นี้อีกครั้งครับ

           และในเทปตอน 3 นี้ ช่วงวันที่จะออกอากาศ อยู่ในช่วงวันแม่พอดี เราจึงแทรกเทปเฉพาะกิจใน ช่วงเบรค 2 ซึ่งเราได้มีโอกาสไปถ่ายงานเทิดพระเกียรติวันแม่ 12 สิงหาคม ที่ทางท่านเสธ.เป๋า เป็นหนึ่งในผู้จัดงาน ได้เอ่ยปากชักชวนมาเก็บภาพบรรยากาศงาน
         
           โดยเราเริ่มขบวนที่สถานีรถไฟบางซ่อน จบที่ พระบรมมหาราชวัง ทางรายการเลยถือโอกาส ชักชวนพี่-น้องรถมอเตอร์ไซต์ญี่ปุ่น ไปขี่รถเทิดพระเกียรติด้วยกัน





            ตอนหน้า เราจะมาตามดูกันถึงประสบการณ์ ในงานเทิดพระเกียรติวันแม่ 12 สิงหาคม มีพี่ๆ น้องๆ หลายกลุ่ม ที่มาขี่รถร่วมงานกับเรา แถมมีเรื่องราวสนุกๆ หลังกองถ่าย มาเล่าให้ฟังกันด้วย

            ที่สำคัญขอบคุณ ทุกๆ คนนะที่ตามอ่านกันมาถึงตอนนี้ (>//<)






วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประสบการณ์แรก แลกด้วยเวลา ไม่มีอะไรเสียเปล่า สำหรับคำว่าเรียนรู้

            ต่อจากตอนที่แล้วววววววววววววววววววว.........

            พี่ชาด โทรศัพท์มาบอกว่า ที่เราไปถ่ายที่สุวรรณภูมิกัน เทปของคุณจา คุณนิก เกิดข้อผิดพลาดหลายอย่าง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ สรุป ถ่ายซ่อม ถ่ายใหม่ทั้งหมด โอ้วแม่เจ้า เหนื่อยทั้งวันเกือบสูญเปล่าแต่ดีที่ถ่ายเปิดตัวพิธีกร ยังพอใช้ได้อยู่

            เลยต้องวางแผนนัดถ่ายซ้ำกันใหม่ สำหรับตอนสอง หลังจากนั้นไม่นาน เลยต้องรบกวนนัด แขกรับเชิญทั้งสองท่าน มาใหม่กันอีกรอบ
          
            วันนี้ เริ่มถ่ายกัน ซักซ้อมกัน ให้มากกว่าเก่า เพราะพอจะรู้คิว รู้จังหวะ และประสบการณ์จากคราวที่แล้วมาบ้าง ถ่ายซ่อมรอบสองโอเคเลย ผ่านไปได้ด้วยดี

            และพี่ชาด ก็คิดคอนเซปต์ อยากให้มีโต๊ะกาแฟ  มีร่ม ตั้งด้วย ให้บรรยากาศชิคๆ สบายๆ จัดไป สัมภาษณ์กันไป สักพักฝนตกปรอยๆ เลยต้องเปลี่ยนเอาร่มไปกางกันกล้องของ ดี้เค้าก่อน หมดกันบรรยากาศชิคๆ แต่พวกเราก็ไม่ถอย ยืนถ่ายกันต่อยังงั้น ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย แขกรับเชิญ ของเราแน่นอนจริงๆ

            ผ่านช่วงครึ่งวันเช้า ไปเรียบร้อย ฉลุยๆ





            ช่วงบ่ายเป็นคิววิ่ง โชคดี ได้ตากล้องเพื่อนปอง มาช่วยถ่ายเพิ่มอีกคน ทำให้ได้ภาพดีๆ สวยๆ หลายมุมขึ้น เบาแรงดี้ไปได้เยอะ

            วิ่งวนไปวนมาหลายรอบ เพื่อต้องการภาพน้ำกระเด็นเข้ากล้อง นึกว่ามันจะง่าย รอบแรกให้ขี่ตีคู่กันมา แล้วเหยียบน้ำเพื่อให้ มันกระเด็นสาดกล้องเลย แต่มันดันกระเด็นเปียกขากันเอง วิ่งเท่าไหร่น้ำมันก็ไม่กระเด็นเข้ากล้องซักที เลยต้องวิ่งวนกันอยู่แบบนั้น แอบกังวล แขกรับเชิญด่าในใจเหมือนกันนะเนี่ย (-_-" )

            จนมารอบสุดท้าย(เกือบถอดใจ) จังหวะเหมาะเจาะ วิ่งมาน้ำกระเด็นสาดเข้ากล้องอย่างที่คิดเลย ทำให้ได้ภาพที่เห็นในวีดีโอตอนของคุณนิก คุณจา ถึงได้บอกว่า ชอตเล็กๆ สั้นๆ กว่าจะได้มาแต่ละชอต ไม่ง่ายเลย ถึงแม้จะไม่กี่วินาที แต่พวกเราตั้งใจจริงๆ นะ

           วิ่งกันประมาณเกือบสองชั่วโมง ก็กลับมากันที่ออฟฟิศ จัดเตรียมสถานที่ถ่าย ตอน1 เบรค1 แนะนำรายการ ตอนนี้เลยได้ ทั้งปอง คุณจา และคุณนิก มาช่วยดูกล้องให้ด้วย อิอิ มือใหม่ก็เงี๊ยะ ใครช่วยได้ เราให้ช่วยหมด

           วันนี้เลยผ่านไปได้ด้วยดี พี่ชาดบอกเดี๋ยวพยายามเอาภาพที่ถ่ายที่สุวรรณภูมิตอนแรก มาตัดต่อให้ใช้ไปด้วย จะได้ไม่เสียของซะทีเดียว แล้วผลงานก็ออกมาแบบที่เพื่อนๆได้เห็นกัน เรื่องตัดต่อ ไว้ใจพี่ชาดได้เลยจริงๆ

           ประสบการณ์แรก แลกด้วยเวลา ไม่มีอะไรเสียเปล่า สำหรับคำว่าเรียนรู้




           หลังจากบทความตอนนี้ เดี๋ยวตอนหน้า ผมจะข้ามมาพูดคุย กันตั้งแต่ตอน 3 เลยละกัน ว่าเวลาเราไปถ่ายเราพบ เราเจอ พวกเรารู้สึกอะไรกันบ้าง

           เริ่มเข้มข้นกันไปทีละตอนดีกว่าครับ ตอนหน้าว่ากัน มันส์แน่!

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เริ่มทำงานด้วยไฟอันลุกโชน

13 พฤศจิกายน 2557

           หลังจาก เข้าสู่สังกัด Speed Channel อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แน่หล่ะ พวกเราทั้งสามคน ไฟมันลุกโชนกันเลยทีเดียว

           วันนี้เราพามาพบกับ แขกรับเชิญ ท่านที่สอง แต่ได้ออกประเดิมเป็นเทปแรกคือ น้องจา กับ น้องนิก CB72 CB77  เรานัดถ่ายเขาวันเดียวกับ ตอนที่ 1 เทปเปิดตัวพิธีกร ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งใจให้แสง และภาพออกมา แจ่มๆ เห็นเครื่องบิน บินผ่านเป็น Background กันเลยทีเดียว

           เริ่มช่วงเช้า พวกเราสามคน นัดกันที่ออฟฟิศพี่ชาด เพื่อถ่ายตอน 1 เบรค 4 บอกตรงๆ เป็นครั้งแรกของพวกเรา ในการเป็นพิธีกร ทั้งการถ่าย ทั้งการคุย ผมเองได้คัดน้องๆ ที่ร้าน Motor Classic Shops มา 3 คน คือ นิก ปาร์ม เอ (จริงๆ มีเจนด้วยแต่ ไม่กล่าวถึงเพราะลาออกไปแล้วเดี๋ยวจะ งงว่าหายไปไหนในตอนหน้า) มาช่วยในการคุมกล้อง

           น้องๆ สามคน ได้รับการเทรนด์จากพี่ดี้ ความรู้เบื้องต้นของการใช้กล้อง มุมกล้อง แต่แรกๆ ให้คุมกล้อง 2-3-4 ไปก่อน ดี้เป็นคนคุมกล้องหลักเอง

           ตอน1 เบรค4 พวกเราจะนำเสนอข้อมูล พูดคุยกันในช่วง Let You know คำถามที่คุณอยากรู้ และเราก็อยากรู้ เราจะรู้ไปพร้อมๆ กัน เชื่อไหมว่าประโยคนี้ เทคเป็นสิบ ลิ้นมันพันกันรัวๆ


           ติดๆ ขัดๆ กันอยู่พักนึง ไหนจะรถขายผลไม้ ไหนจะเสียงปั๊มน้ำ ไหนจะเมมเต็ม ไหนจะลืมว่าจะพูดอะไรต่อไป มือใหม่อย่างเราๆ ก็ถูไถเอาตัวรอดมาได้ กันไปในช่วงเช้า พอช่วงบ่าย เตรียมเดินทางไป สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเก็บภาพพวกเราสามคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ เพื่อทำตอนเปิดตัวพิธีกรในเบรค 1

          ดี้บอก ให้ใส่เต็มที่ ท่าทางอารมณ์ ใส่ให้หมด ดี้ขี่ CS72 พี่ชาดขี่ CB92 ส่วนผมขี่ C95 บานเย็น ที่ทุกคนคงรู้จักกันดี (ไม่ได้ขี่เลย จอดมาหลายปี) จะเอาอะไรไปตามเค้าทัน

          รอบแรก ขี่กันบ้าระห่ำทีเดียว ผมตามไม่ค่อยทัน ลูกสูบมันจะติด แถมหมวกกันน็อกก็ไม่มี เลยไม่กล้าไปหน้ากล้อง วิ่งกันประมาณ 2 รอบ น้องจา กับน้องนิก โทรมาบอกมาถึงแล้ว แหม่ โชคดีจริงๆ  ผมเลยได้ขอยืมหมวกกันน็อกมาใส่

           คราวนี้ ก็วิ่งกันบันเทิงเลย พี่ชาดซัดโฉบเฉี่ยว เพลิดเพลิน ไม่รู้ไปเก็บกด มาจากไหน ส่วนดี้ก็ร่อน ใช้เทคนิคจากการไปอบรมดูคาตี้มา ส่วนไอ้ตั้มคนนี้น่ะเหรอ ลำพังแค่ภาวนาให้รถสูบไม่ติด ก็ดีถมเถแล้ว แถมจะให้ขี่แบบออกรสออกชาติ ก็ไม่รู้จะออกท่ายังไง เลยได้ออกมาอย่างที่เห็นในรายการล่ะคร๊าบ

           อ่อ....ต้องบอกก่อนว่า การถ่ายตอนนี้ ยังเป็นฝีมือการถ่ายของเพื่อนดี้อยู่ เอาล่ะมาต่อกันกำลังมันส์เลย

           พอเราสามคน ปล่อยอารมณ์ไปกับรถจนสาแก่ใจแล้ว คราวนี้เป็นคิวของ น้องจา กับน้องนิก ที่จะโลดแล่น CB72 CB77 กันบ้าง ให้วิ่งกันอยู่พักใหญ่ ระหว่างนั้นผมก็เตรียมสคริปต์ให้น้องๆ พูดอยู่ ดี้กับพี่ชาด ก็รับหน้าที่ถ่ายรถวิ่งกันไป

           พอจบจากรถวิ่ง มาถึงตอนที่จะต้องพูด แบบคนเดียวไม่มีพิธีกร (ในตอนนั้น วางแผนรายการไว้แบบนั้น) น้องจา เจอกล้องเข้าไป นิ่งพูดไม่ค่อยลื่น ติดๆ ขัดๆ บวกกับเป็นคำถามที่เราเตรียมไว้ให้ เลยตอบไม่ค่อยจะโล่ง เพราะเจอกล้องและทีมงาน รุมล้อม ซึ่งแน่นอน น้องนิก หลังจากเห็นเพื่อนตัวเองเป็นเหยื่อ พอถึงคราวตัวเองบ้าง บอกเลยว่าไม่ต่างกัน แต่พวกเราก็ดันกันจนผ่านไปได้

           มาถึงชอตที่ เราจะให้พูดว่า "มิตรภาพมันมีอยู่ในทุกเส้นทาง อยู่ที่คุณจะเลือกมีแบบไหน หน้าจอคอมหรือบนท้องถนน คุณเลือกเอา พบกับเราสองคนได้ในรายการ Japan Bikes Way
           เชื่อมั๊ยประโยคนี้เกิน 10 เทค บิ๊วแล้วบิ๊วอีก ลืมบ้าง เสียงไปแต่หน้าไม่ไปบ้าง เสียงนิ่มหน้าดุบ้าง โอยสารพัด พอกันกับพิธีกรเลย 555 แต่เราก็ไม่กดดัน เอาเท่าที่ทำได้

           มาถึงฉากจบ พิธีกรทั้งสาม ก็ถึงคิวที่จะต้องพูดประโยคหล่อ สี่ห้าประโยค สลับกันพูด บอกเลยว่า ไม่ต่างกับแขกรับเชิญเลย แข็งทื่อบื้อเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ

          วันนั้น ที่สุวรรณภูมิ ผ่านไปถึงเย็น เลิกกอง เหนื่อยล้ากันสุดๆ คิดว่าโอเครและ เหลือแค่พี่ชาดเช็คภาพ เพื่อตัดต่อออกมาเป็นเทปต้นฉบับอีกที ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี

          ตกดึก รับสาย พี่ชาด แทบกรี๊ดๆๆๆๆ เกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ ต้องติดตามตอนต่อไปครับ พอเริ่มดึก หนังตามันชักจะปิดๆ Zzzz







วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หัว หรือ ก้อย เข้าพบผู้บริหาร Speed Channel

11 พฤศจิกายน 2557

          จากความเดิมตอนที่แล้วที่ทิ้งท้ายกันไว้ เพิ่งจะมีเวลาว่างมานั่งเขียนตอนต่อ ขอนึกย้อนแป๊ปนะ วันนั้น วันที่ 10กรกฎาคม ผมจำได้ดีเลย พวกเราสามคน นั่งรอตรงประชาสัมพันธ์ ที่ บริษัทสปีดแชนแนล เพื่อรอพบพี่โบ๊ท

          บอกตรงๆ ในใจตื่นเต้น ทำตัวไม่ค่อยจะถูก เพราะไม่รู้จะเจอกับคำถามอะไรบ้าง นั่งกันอยู่สักพัก พอใกล้ถึงเวลาที่นัด คุณแอม เลขาพี่โบ๊ท ลงมาตามให้พวกเราเข้าพบ

          หมอโดม เดินมากระซิบว่า "อย่าลืมนะ คำถามที่ตั้มจะต้องเจอ แน่ๆ คือ รายการมันจะตัน รึป่าว เตรียมคำตอบไว้ยัง"  ผมได้แต่ยิ้มรับ และพยักหน้าให้ 1 ที ด้วยความตื่นเต้น และพวกเราสี่คน ก้อเข้าห้องทำงานพี่โบ๊ทพร้อมกัน หมอโดม ผม ดี้ พี่ชาด

          เข้าไปถึง ตอนแรกแอบคิดท่าทางตัวเองว่า จะทำตัวยังงัย ต้องวางตัวเป็นทางการ ให้น่าเชื่อถือขนาดไหน แต่สิ่งแรกที่พบคือ พี่โบ๊ทกำลังอ้าปากยัด ขนมปังแซนวิช อย่างไม่สงวนท่าที พร้อมทั้งเอ่ยปากเชิญพวกเรานั่ง เอิ่ม.....พี่โบ๊ททำพวกผมผ่อนคลายไปกว่าครึ่งเลยนะ (แอบคิดในใจ)

          แล้วผมก้อยื่น Proposal ที่ทำมา ให้กับพี่โบ๊ต พร้อมทั้งอธิบาย คอนเทนท์รายการว่าเป็นยังงัย และเอาทีเซอร์ตัวอย่างรายการที่ทำมา ให้พี่เขาดู

          พี่โบ๊ต ดูแบบเงียบๆ อยู่เกือบสามนาที พร้อมทั้งกินแซนวิชไปด้วย แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ก้อโอเคนะ แปลกดี มันจะตันมั๊ยวะ" ผมตอบแบบไม่ต้องคิด (เพราะคิดมาก่อนแล้ว>////<) ว่า............ไม่ตันแน่นอนครับพี่ เพราะรถมอเตอร์ไซต์ Japan Vintage นั้น มีหลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อ ก็มีหลายรุ่น ซึ่งรายการเราจะไม่ได้นำเสนอแค่รุ่นรถอย่างเดียว แต่เราจะนำเสนอแนวทางการเล่น การสะสม การเสาะหา การซ่อม การสร้าง การดูแล และ พาไปแนะนำให้รู้จักร้านซ่อม ร้านอะไหล่ รวมถึง พาไปตามงานรถ Japan Vintage ที่น่าสนใจด้วยครับ

          หลังจากฟังคำตอบแล้ว พี่โบ๊ทก้อเอ่ยออกมาว่า "แค่พวกมึงสามคนแนะนำตัว เวลาก้อหมดแล้วครึ่งชั่วโมง" เท่านั้นแหละพวกเรารวมถึงหมอโดม หน้าถอดสี เครียดกันหมด แล้วพี่โบ๊ทก็อธิบาย นู่นนี่นั่นมากมาย จนในใจผมคิดว่า จบกัน ฝันพังทลายชิบหายหมดแล้ว T_T

          ระหว่างที่ผมแอบเครียด ไม่รู้ว่าเพื่อนผมอีกสองคนคิดอะไรอยู่ จะรู้สึกเครียดเหมือนผมหรือเปล่า เพราะเห็นพี่โบ๊ทกำลังชวนคุยทั้งดี้ และพี่ชาด ตัวผมเองก้อมีตอบโต้เป็นระยะ แต่ในใจ คิดอย่างเดียว งานนี้คงพลาดแน่เลย เศร้าสิครับ เหลียวหน้าไปดูหมอโดม คราวนี้หมอโดมเริ่มกระสับกระส่าย  แบบรู้สึกได้ชัด

         พวกเรานั่งฟัง พี่โบ๊ทแกเล่าเรื่องราวการเล่นรถเก่าของตัวเองให้พวกเราฟัง สักพักพี่โบ๊ทเอ่ยขึ้นว่า

 "ถ้าชั่วโมงนึง ไหวมั๊ย?"

         เฮ้ย! จบประโยคพวกเราสี่คนมองหน้ากันแบบพร้อมเพรียง ผมเอ่ยตอบแบบไม่คิดจะรอเพื่อนฝูงทันที "ไหวครับ สบายครับ แอบหวังอยู่ครับ" ณ ตอนนั้น ถ้ากระโดดโลดเต้นได้ คงทำไปแล้ว แล้วที่เซอร์ไพรส์ พวกเรายิ่งกว่า และอาจจะเซอร์ไพรส์ ทุกๆคนคือ พี่โบ๊ตให้คุณแอมเลขา ไปเอาผังรายการของช่องมาให้ดู

          พิจารณาอยู่พักนึง แกก็บอกว่า เอารายการ Japan Bikes Way ลงวันนี้ แล้วหันมาถามผมว่า "6 โมงเย็นนะ โอเคไหม?"  หุๆๆๆๆๆ ในใจผมตอนนั้น ตีหนึ่งผมยังโอเคเลย นี่หกโมงเย็น! แทบกรี๊ด วันเสาร์ด้วย ไม่เกรงใจกระโดดลอยตัวไปแล้วครับ และผมก็รีบตอบกลับไปว่า "ได้ครับพี่ ขอบคุณพี่มากๆนะครับ"

          แล้วพี่โบ๊ทก็ให้คำแนะนำ สั่งสอน แนะแนวพวกเราสักพัก ก็ขอตัวกลับกัน

          พอออกมาจากห้องได้เท่านั้นแหละ พวกเราสามคน กับหมอโดม จับมือกัน ด้วยความดีใจว่าก้าวมาอีกขั้น และเข้าช่องเต็มตัวเป็นทางการแล้ว

         ซึ่งแน่นอน ผมไม่ลืมพระคุณ แทบจะกราบหมอโดมเลยจริงๆ สำหรับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มันคือ ก้าวที่กล้า กล้าที่จะก้าวข้ามมันไปมั๊ยเลยจริงๆ

         หลังจากเวลานั้น ในหัวพวกเรา พร้อมทำงานกันแล้ว จุดหมายแรก ถ่ายรายการตอน 2 และเติมเต็มตอนหนึ่ง เทปเปิดตัวพิธีกร ให้เนื้อหามันแน่นขึ้น



         เอาล่ะ....เรื่องราวจะเป็นยังงัย เข้าสู่บริบท ของการทำงานจริงจังกันละ ติดตามอ่านตอนต่อไป สำหรับแขกรับเชิญตอนที่ 2 แุละตอนต่อๆๆๆไป จะเป็นใคร? ที่ไหน? เมื่อไหร่? มาตามติดการทำงานเบื้องหลังของพวกเรา ว่ากว่าจะมาเป็นตอนๆ ออนแอร์ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันนั้น ผ่านปัญหา และอุปสรรค อะไรมาบ้าง รับรองว่ามันส์ถึงกึ๋น ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร


วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ออกกองครั้งแรก กับทีเซอร์รายการ

           6 โมงเช้า ที่ 2 กรกฏาคม 2557 ของการนัดถ่ายทีเซอร์รายการ เพื่อจะทำ Proposal นำเสนอช่อง Speedchannel หลังจากที่ได้ขอความช่วยเหลือจากน้องๆ ไม่ว่าจะเป็น เบริ์ดบางใหญ่ เบียร์ลาดปลาดุก น้องมายด์ น้องหนุ่ม รัชพล และ ทีมงานมอเตอร์คลาสสิค น้องๆ ที่ร้านผมเอง

          สถานที่แรกของเราคือ เลียบคลองประปาทางไปกันตนา และ ถนนอุทยาน [อักษะ] เรานัดกันมาแต่เช้าตรู่ อยากได้แสงสวยๆ ต้องวิ่งไป-มา กันอยู่หลายรอบ เพื่อเก็บภาพ ต้องบอกเลยว่าขอบคุณน้องๆ ทุกๆ คนจริงๆ วนหลายรอบไปมาไม่บ่นสักคำ น้ำมันก้อต้องออกเอง ไม่มีใครให้ มาด้วยใจล้วนๆ



          แต่ไคลแม็กซ์ มันอยู่ตรงที่ ตอนพวกเราสามคน ผม พี่ชาด ดี้ ต้องมาเข้าเฟรม และพูดประโยคสั้นๆ ว่า

"พบกับพวกเราสามคนได้ในรายการ Japan Bikes Way ผมตั้มมอเตอร์คลาสสิคชอปส์ ....ผม ชาดพลรัตน์ ........ผม ดี้ ธีรภัทร"  

          เชื่อมั๊ยว่าครั้งแรกของพวกเรา มันช่างยากมากๆๆๆๆ ประโยคสั้นๆ แต่เทคเป็นสิบ แถมผมก้อพูดลิ้นรัวๆๆๆๆ ไปหมด ตื่นเต้นสั่นไปหมด แต่แล้ว ครึ่งวันเช้าผ่านไปได้ด้วยดี



            ครึ่งวันหลัง กลับมาถ่ายต่อที่ร้านผม เป็นการนั่งพูดคุยกัน เพื่อจะถ่ายเทปแรก คือ เปิดตัวพิธีกร นั่งคุยกันสามคนเราก้อคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ถึงประสบการณ์ของแต่ละคนที่ผ่านมา ว่ากว่ามาถึงจุดนี้ผ่านอะไรมาบ้าง อาจเป็นเพราะบรรยากาศสบายๆ บวกกับความคุ้นเคยกับโลเคชั่นที่ร้าน ก็เลยโอเคผ่านชิวๆ



           หลังจากถ่ายเทป เปิดตัวพิธีกรเสร็จ ก็เลยนัดกันต่อเลยว่า จะไปถ่ายคุณกุ้ง SR พระราม7 ในวันที่ 5 กรกฎาคม ไฟกำลังแรง เครื่องกำลังร้อนก็เงี้ย 555


แขกรับเชิญคนแรกของเรา คือคุณกุ้ง SR แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ได้ออนแอร์เทปนี้เลย เพราะติดขัดปัญหาด้าน sound ซึ่งต้องนัดถ่ายซ่อมเสียงกันอีกที



           วันที่ 7 ก.ค. เร่งตัดต่อทีเซอร์รายการ วันที่ 8 ก.ค. อัพลง Youtube และ Fanpage ทำงานแข่งกับเวลาสุดๆ ระหว่างนี้ หมอโดมโทรมาบอกว่า "ตั้ม วันที่ 10 ก.ค. นะ เข้าไปคุยกับพี่โบ๊ทที่ช่อง ให้เตรียม Proposal ไปเลย"  บอกตรงๆ เลยตอนนั้นพวกเราตื่นเต้นมากๆ

           และแล้ว วันที่ 10 กรกฏาคม 2557 ซึ่งถือเป็นวันสำคัญ ที่เป็นวันถือกำเนิดรายการ Japan Bikes Way อย่างเป็นทางการเลยก็ว่าได้

           พวกเราไปที่ช่องสปีดแชนแนล และหมอโดมพร้อมกับกระแต ก้อมาถึง (จริงๆแล้วไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาจะไม่มาก็ได้นะ) ต้องขอบคุณในน้ำใจอย่างสุดซึ๊งจริงๆ ที่ทั้งผลักทั้งดัน ทั้งช่วยทุกอย่าง เอ้าๆๆๆ เข้าเรื่องต่อดีกว่า เดี๋ยวจะกลายว่าอวยกันเกินไป >////<

           หมอโดมพาพวกเราไปพบกับพี่โบ๊ท ในใจมันลุ้นไปหมด ไม่รู้ว่าจะออกหัว ออกก้อย ยังไง พี่เค้าจะชอบในรูปแบบรายการของเราหรือเปล่า.....ต่อกันตอนหน้านะ พวกเราจะได้พูดคุยกันยังงัย ตอนหน้าเลยจ้า







             

             

เริ่มสตาร์ท มากกว่าเราคือพวกเรา

9 พฤศจิกายน 2557

          หลังจากได้ชื่อรายการแล้ว สิ่งที่สำคัญต่อมาแน่นอน คือรูปแบบรายการ และการฟอร์มทีมขึ้นมา

          พอรู้ว่าได้ทำรายการ สองคนแรกที่ผมนึกถึงก่อนเลย คือ ดี้ ธีรภัทร ด้วยเหตุที่ว่า เราสนิทกันพอสมควร และผมมองเห็นว่าเขาน่าจะมีมุมมอง มีเทคนิคมีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ เพราะเขาชอบศึกษา และที่สำคัญ อุปกรณ์เขาแน่นม๊ากกกก

           อีกคนคือพี่ชาด ซึ่งคนนี้ ผมกับเขารู้จักกันมานานมากๆ ต้องมีเกือบยี่สิบปี และครั้งนึงเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมเคยเอ่ยปากชวนพี่ชาด ให้ทำรายการเกี่ยวกับรถเก่าด้วยกัน และทำเป็นแผ่น CD ขาย ซึ่งสมัยนั้น การไรท์ CD เองก็ยาก กล้องวีดีโอก็แพงมาก เราสองคนสนใจอยากจะทำจริงจัง ก็เลยคุยกันเล่นๆ ถึงปัญหาที่จะเจอ ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด สรุปเลยพับโครงการกันไป

           นั่นแหละเลยเป็นที่มา ของการนึกถึงเลย ผมกดโทรศัพท์หาพี่ชาดทันที ไม่ต้องพูดอะไรมาก มองตารู้ใจ อ้าปากนิดเดียวก็เข้าใจกัน พี่ชาด ตอบตกลงในทันที การได้พี่ชาดมาร่วมทีม ซึ่งถือเป็นมืออาชีพในการตัดต่อ ที่มากด้วยประสบการณ์ ผ่านงานมาหลากหลายรูปแบบ ผมรู้สึกได้ทันทีว่า ทีมเราต้องเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เชื่อมั่นได้เลยว่า ผมได้คนไม่ธรรมดามาร่วมทีมละ

          ช่วงบ่ายเกือบเย็นผมโทรหา ดี้ พูดคุยอธิบาย คอนเซปส์ กันอยู่สักพักนึง ดี้โอเค เล่นด้วย คราวนี้เลย ต้องนัดวันกันเพื่อจะกำหนดรูปแบบและแนวทางในการทำงานให้เร็วที่สุด เพราะต้องรีบเข้าไปเสนอกับช่อง

          หลังจากนั้นไม่กี่วัน นัดประชุมคุยกันครั้งแรกที่บ้านดี้ การพูดคุยกำหนดทิศทางผ่านไปประมาณเกือบสามชั่วโมง มีการอัดคลิปเสียงกันไว้เพื่อฟัง เรื่องราวที่คุย ซึ่งวันนี้ผมยังเปิดฟังแล้วหลับตานึกถึงวันนั้นอยู่เลย มันเป็นฟิลที่ตื่นเต้นมากๆ ความคิดของเราสามคน พรั่งพรูไอเดียกันออกมา แทบจะรอไม่ไหวนึกภาพการถ่ายทำกันไปไกลมาก

          พอได้ ชื่อรายการ ช่วงรายการ และ รูปแบบ แนวทางในการนำเสนอ บทบาทหน้าที่ในแต่ละคน คราวนี้ก็มาถึงการออกแบบโลโก้รายการ อยากให้มันดูสบายตา มีกลิ่นอายของญี่ปุ่น และสื่อถึงเส้นทางของรถญี่ปุ่น สุดท้ายเราก็ได้โลโก้ที่ลงตัวมาจนได้



          ขั้นตอนต่อไป นัดถ่ายทีเซอร์เปิดตัวกันละ การถ่ายทำทีเซอร์ เป็นการออกกองครั้งแรกของพวกเรา มีทั้งราบรื่น ชุลมุน ติดขัด เดี๊ยวผมจะกลับมาเล่าให้ฟังนะ







วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จุดเริ่มต้น Japan Bikes Way

7 พฤศจิกายน 2557

           ตั้งใจจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ Japan Bikes Way มานานแล้ว วันนี้ฤกษ์งามยามดี ก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าฤกษ์สะดวกดีกว่า ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราว กว่าจะมาเป็นรายการ Japan Bike Way และเบื้องลึก เบื้องหลังของแต่ละเทป ว่ากว่าจะได้มาออกอากาศให้เพื่อนๆ ได้ดู ผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง....


           นึกย้อนกลับไป ความคิดจะทำรายการเหรอ เป็นพิธีกรเหรอ ไม่เลยๆ ไม่เคยอยู่ในหัวมานานมากแล้ว ...ที่ไม่อยู่ในหัวไม่ใช่ไม่อยากนะแต่ไม่รู้จะเป็นไปได้ยังไง ไม่รู้จะทำยังไงมากกว่า



นั่นคือความคิดก่อนหน้าที่ชีวิตจะเปลี่ยน หลังจากไปนั่งทานข้าวที่เดอะเรโทร นครปฐมของหมอโดม

          เรื่องของเรื่อง วันที่ 28 มิถุนายน 57 วันนั้นมีอารมณ์ครึ้มๆ นั่งเล่นนอนเล่นอยู่บ้าน หลังเลิกงาน อารมณ์ไหนไม่รู้อยากไปสตูรถนิยม เลยลุกขึ้นโทรหาน้องๆ ที่ร้าน Motor Classic Shops ว่าใครอยากไปบ้าง แล้วก้อไปกันเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม แล้วหล่ะ ไปถึงก้อ 4 ทุ่มกว่าๆ เกือบ 5 ทุ่ม



         ไปถึงเจอหมอโดมและจัยโกะ นั่งทานข้าวกันไปพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนมาถึงจังหวะนึง หมอโดมถามผมว่า "ทำไมไม่ลองทำรายการ รถคลาสสิคญี่ปุ่นดู ตั้มถนัด ตั้มมีของ น่าลองดูนะ " หลังจากที่ถามคำถามปุ๊ป ประโยคที่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองคือ "เอางี๊ เดี๋ยวผมโทรหาพี่โบ๊ทให้ พอดีผมมีเวลาของช่องให้มาครึ่งชั่วโมง ลังเลว่าจะทำรถมินิออสติน หรืออะไรดี กลัวมันตัน"


          ด้วยอารมณ์กำลัง กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็อยากจะทำ แต่ว่ากลัวออกมาไม่ดี เลยนิ่งๆ มองดูหมอโดมเดินออกจากโต๊ะที่ทานข้าวกันอยู่ไปหน้าตาเฉย สักพักเดินกลับมาบอก "โอเค! ฉลุย! พี่โบ๊ทเซย์เยส จัดไปครึ่งชั่วโมง ไปคิดรูปแบบรายการมาจะเอายังไง แล้วเดี๋ยวนัดวันไปหาพี่เขาที่ช่อง Speed Channel กันอีกที"

          เอิ่ม.....ผมและน้องๆ นั่ง งงๆ ดีใจปนตกใจ แล้วก้อไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ หมอโดมมากๆสำหรับการยื่นโอกาสมาให้ ซึ่งผมเองได้รับปากวันนั้นเลยว่าจะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียมาถึงหมอโดม

 โอกาส ไม่ใช่อากาศ ที่มันจะมีอยู่ในทุกที่บนโลกซะหน่อย โอกาสมีได้ ก้อหมดได้เช่นกัน
แล้วคืนนั้น ผมก้อนอนไม่หลับแทบทั้งคืน....นั่งคิด นอนคิด ชื่อรายการ รูปแบบรายการ และที่สำคัญคือการสร้างทีม ยังจำความรู้สึกวันนั้นได้เลยว่า ผมตื่นเต้นขนาดไหน คืนนั้น..เล่นเอานอนไม่หลับ

          เช้ามา ผมยังคงนั่งคิดชื่อรายการอยู่ พยายามหาคำที่จะสื่อถึง รถมอเตอร์ไซค์ vintage ญี่ปุ่น อยากได้คำที่คนเค้าไม่ค่อยได้ใช้กัน แต่เป็นคำที่พูดง่าย และเข้าใจง่าย สื่อถึงสิ่งที่เราต้องการนำเสนอในรายการได้อย่างชัดเจน เลือกไป เลือกมา จนมาจบด้วยคำว่า....

Japan Bikes Way เส้นทางของรถญี่ปุ่น คือเส้นทางของเรา